การเดินทางของนพกาล
มีหลากหลายเรื่องราวในชีวิตของคนเรา
ที่เป็นความทรงจำอันแสนประทับใจ ประสบการณ์ที่ดี และมิตรภาพที่งดงาม
มักจะเกิดขึ้นเมื่อเราเปิดประตูออกจากบ้านและเริ่มต้นเดินทางเสมอ
มีปรมาจารย์ทางภูมิศาสตร์ท่านหนึ่งเคยกล่าวไว้ว่า "การเดินทางคือความเจริญงอกงาม"และในวันที่ได้เริ่มออกเดินทางไปปากช่องโดยรถไฟ
ก็ทำให้รู้แล้วว่าคำกล่าวของปรมาจารย์ท่านนั้นเป็นจริง
เริ่มต้นเรื่องราวความประทับใจเกิดขึ้นตั้งแต่การวางแผนงาน
การแบ่งภาระงานต่างๆ ภายในห้อง
จากนั้นก็เห็นเรื่องราวน่ารักที่ชวนยิ้มตลอดระยะเวลาในการไปทำกิจกรรมที่ปากช่อง
เห็นความเป็นผู้นำ ความรัก ความรับผิดความ ความกล้าเผชิญกลับคนแปลกหน้าบนรถไฟ
โดยเริ่มจากการมองคนแบบเป็นมิตร พี่ๆ เข้าไปชวนพูดชวนคุยสารทุกข์สุขดิบ ทั้งยังเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนบนรถไฟ
ในการที่จะมีสมุดบันทึกสถานีรถไฟว่าตลอดระยะทางที่นั่งรถไฟจะต้องผ่านกี่สถานี พี่ๆ
ช่วยสร้างรอยยิ้มเสียงหัวเราะให้กับผู้คนที่สัญจรบนรถไฟ
ทำให้การเดินทางในครั้งนี้ไม่เหงา นอกจากนี้ยังเห็นวิถีชีวิตผู้คนบนรถไฟที่บางคนอาจจะเริ่มต้นขึ้นรถไฟจากจุดเริ่มต้นเดียวกันแต่ปลายทางที่ลงไม่เหมือนกัน
เปรียบได้กับชีวิตคนเรา บางคนเริ่มต้นพร้อมกันแต่ถึงเป้าหมายไม่พร้อมกัน
อาจเกิดจากความพร้อมและศักยภาพของแต่ละคนที่มีไม่เท่ากัน
เมื่อถึงสถานีที่ต้องลงพี่ๆ ยังบอกลาผู้โดยสารบนรถไฟ เป็นอีกเหตุการณ์ที่หน้าประทับใจ
เมื่อถึงสถานีปากช่องแล้ว
เรื่องราวที่ประทับใจอีกเรื่องก็เกิดขึ้น คือ
การติดต่อรถเพื่อเดินทางเข้าไปยังที่พัก ความงอกงามที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์นี้ คือ
การบริหารค่าใช้จ่าย ความรู้จักเห็นอกเห็นใจผู้อื่น
เกิดขึ้นขณะที่ต้อลองราคารถโดยสาร พี่ๆ อยากได้รถในราคาที่ถูก แต่พี่ๆ
ยังรู้จักการเห็นอกเห็นใจเจ้าของรถโดยสาร ว่าเขาจะไม่คุ้มค่าหากเราไปกันหมดทั้ง 26 คน
รถอาจยางแตกและอาจเกิดอุบัติเหตุได้อีกด้วย พี่ๆ จึงออกเงินร่วมกันโดยเก็บคนละ 20 บาท เพื่อจ่ายค่ารถอีกคัน
แต่คนไหนที่มีไม่พอก็จะเก็บจากเพื่อนเท่าที่เพื่อนมี และคนที่มีเงินมากก็จะออกส่วนที่เหลือให้กับเพื่อน
เมื่อถึงที่พักพี่ๆ ได้ตระเตรียมที่พักและรับผิดชอบงานตามที่แบ่งหน้าที่กัน
ตอนเย็นได้ไปเรียนรู้การเขียนนิทานจากอาจารย์ปรีดา ปัญญาจันทร์ พี่ๆ
เป็นนักเรียนรู้ที่ดี มีการตั้งคำถามทันทีที่เกิดข้อสงสัย
กิจกรรมในช่วงเช้าของวันเสาร์พี่ๆ
ตื่นเช้าเพื่อจะไปปีนเขา เก็บบรรยากาศในช่วงเช้า แต่มีพี่ทับทิมที่ไม่สามรถไปปีนเขาได้
จึงรบหน้าที่เตรียมอาหารเช้าให้กับเพื่อนๆ เมนูที่ทำก็คือ ข้าวจี่กับข้าวต้มหมู
สิ่งที่ประทับใจในครั้งนี้คือ การที่ช่วยกันกับทับทิมทำข้าวต้มครั้งแรกในชีวิต
ซึ่งเราทั้งคู่ทำไม่เป็น จึงทำให้รสชาติและน่าตาของข้าวต้มไม่น่ากิน ทันทีที่พี่ๆ
ลงมาจากเขา ทุกคนทำจมูกฟุดฟิดถามว่ากลิ่นอะไร
แล้วต่างมุ่งตรงไปยังครัวพร้อมกับเปิดหม้อข้าวต้มพร้อมกับหน้าตาที่สงสัยว่าในหม้อมันคืออะไร
แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไร
ขณะที่กินทุกคนกินราวกับว่ามันเอร็ดอร่อยพร้อมกับตั้งชื่อให้กับข้าวต้มในมื้อนี้ว่า
“ข้าวต้มคลุกคลิกสูตรครูหนู” จากนั้นก็ทำกิจกรรมการแสดงละครตามหัวข้อที่เราจับได้
กิจกรรมนี้แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ความสามัคคี การวางแผนและการจัดการเวลา
จากนั้นได้เดินทางไปทำวัตรเย็นที่อาศรมวิริยะธรรม
และทำพิธีเทียนขอบคุณและขอโทษเพื่อน ครู เห็นความจริงใจจากพี่ๆ
กล้าที่จะยอมรับในสิ่งที่ทำ กล้าที่จะขอโทษ และเคารพซึ่งกันและกัน
จากกิจกรรมนี้พิสูจน์ให้เห็นว่าพี่ๆ
เติบโตและงอกงามงามทางความคิด เป็นนักเรียนรู้ และนอกจากนี้พี่ๆ
ยังพิสูจน์ให้ครูได้เห็นว่าพี่ๆ
เติบโตเป็นผู้ที่สามารถดูแลตนเองได้และดูแลผู้อื่นได้ การเดินทางครั้งนี้นอกจากจะบรรลุเป้าหมายที่วางไว้แล้วยังมีผลพลอยได้ที่เกิดขึ้น
คือ มิตรภาพที่เก็บไว้ในใจตลอดกาล เปรียบได้ว่า ชีวิต คือ
การเดินทางเพื่อสะสมความทรงจำ ทุกๆ
วันมีเรื่องราวให้จดจำใส่หน้ากระดาษเปล่าของชีวิต เพราะจดทุกเรื่องไว้ไม่ได้
เราจึงจดเฉพาะสิ่งสำคัญไว้ในใจ เมื่อย้อนกลับมาเปิดสมุดบันทึกเล่มนั้น
ความทรงจำบางอย่างซีดจางไปตามกาลเวลาแต่ร่องรอยของมันก็ช่วยยืนยันกับเราว่าสิ่งสวยงามเหล่านั้นเคยเกิดขึ้นจริง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น